มะเร็งปากมดลูก (Cervix Cancer)

เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี และในประเทศไทย เป็นสาเหตุของการตายเป็นอันดับหนึ่ง ของมะเร็งทั้งหมดในตรี
มีสาเหตุมาจากอะไร
สาเหตุของมะเร็งทุกชนิดยังไม่ทราบแน่นอน แต่พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่มีความสัมพันธ์ถึงมะเร็งปากมดลูก เช่น การมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่ อายุยังน้อย, มีบุตรมาก, มีประวัติ เป็นกามโรค เป็นต้นพบบ่อยในช่วงอายุเท่าใด
พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในอายุระหว่าง 41-50 ปี, รองลงมาในช่วงอายุ 31-40 ปีมีอาการอย่างไร
ในระยะเริ่มแรก ผู้ป่ายอาจไม่มีอาการอะไร ต่อมาอาจมีตกขาวผิดปกติคล้ายปากมดลูกอักเสบ เมื่อโรคลุกลามขึ้นอาจมีอาการเลือดออกผิดปกติ เช่น มีเลือดออกกะปริดกะปรอย, ตกเลือด หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ป้องกันได้หรือไม่
ป้องกันได้โดยการตรวจมะเร็งปากมดลูกกับสูตินรีแพทย์ เป็นประจำ ปีละครั้ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีอาการผิดปกติอะไร เพื่อการตรวจหามะเร็ง ปากมดลูกในระยะก่อนลุกลาม ซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยง่ายมีวิธีรักษาอย่างไร ในระยะลุกลาม
ผู้ป่วยมักไม่มีอาการอะไร การรักษาสามารถทำได้ง่ายโดยการจี้ด้วยความเย็น, ตัดปากมดลูกเป็นรูปกรวย ซึ่งปัจจุบัน สามารถรักษาได้ แบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องดมยาสลบหรือนอนพักในโรงพยาบาล
ในระยะลุกลาม
ระยะต้นสามารถผ่าตัดได้ ส่วนในระยะ ท้าย ๆ ต้องรักษาด้วยรังสีรักษาวิธีการรักษาที่ดีทีสุด แพทย์เลือกวิธีไหน ทำไมจึงเลือกดวิธีนี้
- โอกาสจะประสบผลสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด
- มีโอกาสเสี่ยงอะไรบ้าง ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
- ใช้เวลารักษานานเท่าใด
- ใช้ค่าใช้จ่ายแค่ไหน
- ถ้าไม่รักษาจะเป็นเช่นใด
- จะมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติหรือไม่
- ต้องตรวจซ้ำบ่อยแค่ไหน
- วิธีการรักษา
อาจจะตัดมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
การให้รังสีรักษาทำได้ 2 วิธี
- โดยการให้รังสีรักษาจากเครื่องแพทย์จะให้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง 5วัน/สัปดาห์เป็นเวลา 5-6 สัปดาห์
- โดยการฝังแร่อาบรังสีบริเวณปากมดลูกฝังแต่ละครั้งนาน 1-3 วันต้องอยู่โรงพยาบาลใช้เวลารักษา 1-2 สัปดาห์
การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำลายมะเร็ง ยาที่ใช้บ่อยคือ interferon
ผลข้างเคียงของการรักษา
การผ่าตัด หลังการผ่าตัดมักจะมีอาการปวด เลือดออกถ้าต้องตัดมดลูกผู้ป่วยอาจจะปัสสาวะและอุจาระลำบากต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ระยะหนึ่ง
ผู้ป่วยควรพักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลหาย จะมีเพศสัมพันธ์หลังผ่า 4-8 สัปดาห์
ผู้ป่วยที่ตัดมดลูกยังคงมีอารมณ์ทางเพศปกติแต่อาจมีปัญหาทางจิตใจกังวลว่าไม่สามารถมีบุตร
ได้คู่ครองควรที่จะช่วยกันปลอบใจและให้กำลังใจ
การให้รังสีรักษา ระหว่างการให้รังสีรักษาผู้ป่วยจะเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ผมร่วง ผิวบริเวณที่สัมผัส
รังสีจะมีสีน้ำตาล ห้ามทาโลชั่น อาการต่างๆจะหายไปหลังหยุดการรักษา
การร่วมเพศอาจจะลำบากเนื่องจากช่องคลอดจะแคบและแห้งต้องใช้ครีมหล่อลื่นช่วย
นอกจากนี้อาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะและถ่ายเหลว
การให้เคมีบำบัด จะฆ่าเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว
ซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ เกร็ดเลือดต่ำทำให้เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่าย และเลือดออกง่าย ผมร่วง
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เป็นหมัน
การสร้างภูมิคุ้มกัน ผลข้างเคียงมีไม่มาก มีอาการคล้ายไข้หวัด ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง
การป้องกัน
สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดแต่พบว่ามีหลายปัจจัยเป็นความเสี่ยง- การมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 18 ปีและการมีสำส่อนทางเพศ เชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัส human papillomaviruses
- การสูบบุหรี่
- การได้รับยาคุมกำเนิด diethylstilbestrol ระหว่างตั้งครรภ์
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ารได้รับวิตามิน A ป้องกันมะเร็งได้แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติม
ข้อมูล
- อนามัยยุคไฮเทค. "มะเร็งปากมดลูก." บริการทองสมัครงาน, 4(172) :หน้า 24; 14-20 ตุลาคม 2541
- https://www.thailabonline.com/
https://www.drstandley.com/stds_cervicalcancer.shtml
https://www.nytimes.com/imagepages/2007/08/01/health/adam/19262Cervicalcancer.html
Saksiri Sirikul Research