เพศสัมพันธ์ 5 ขั้นฉันและเธอ
เพศสัมพันธ์เป็นการสื่อสารความรักด้วยภาษากายที่ลึกซึ้งที่สุดเ ท่าที่มนุษย์สองคนจะกระทำต่อกันได้... ผมกล่าวทุกครั้งในการบรรยายเรื่องเพศศึกษาทุกที่ ลองนึกภาพดูครับว่าจะมีกิจกรรมอื่นใดที่มีความลึกซึ้งทางกายได้ มากเท่ากับเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงและชาย..........
แต่มิใช่ทุกกรณีเสมอไป...เพราะหากเพศสัมพันธ์นั้นมิได้มีความรั กเป็นพื้นฐาน กิจกรรมทางเพศนั้นก็เป็นการใช้ร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อระบา ยความกำหนัด เช่น การซื้อขายบริการทางเพศ การข่มขืน การลักหลับ ฯลฯ...อย่างนี้เพศสัมพันธ์ก็มีฐานะเพียงแค่ "ร่วมเพศ" แต่ไม่ถึงระดับ "ร่วมรัก" มันคนละระดับกัน...ขึ้นอยู่กับระดับความรู้สึกระหว่างคนทั้งสอง
โดย เฉพาะกับเพศหญิง เพศสัมพันธ์จะมีความหมายถึงการแสดงความรักต่อกัน อารมณ์รักที่ปรากฏขึ้นอยู่ในสมองส่วนกลาง (Limbic system) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะอารมณ์ แล้วมีเส้นประสาทโยงใยไปสู่ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) ชื่อเล่นว่า "ต่อมพี่ตุ๋ย" ...เพราะฉะนั้นหญิงเมื่ออยู่ใกล้ชายหนุ่มที่เธอรัก ความรักโน้มนำไปสู่เซ็กส์ได้โดยง่าย...ชาวบ้านมักใช้คำว่า "ใจง่าย" ...ซึ่งฟังแล้วให้ความรู้ลึกเชิงลบอย่างมาก...แค่ "อารมณ์พาไป" ยังพอรับไหว
ในขณะที่ความหมายของเพศชาย เพศสัมพันธ์คือการผ่อนคลายความต้องการทางเพศมากกว่า
และ หากเพศชายไม่เข้าใจความแตกต่างดังกล่าว ผลก็คือฝ่ายหญิงไม่สามารถบรรลุความสุขทางเพศได้อย่างที่ใจต้องก าร...เธออาจรู้สึกเหมือนกำลังมีเซ็กส์กับ "พวกแรงงานไร้ฝีมือ"
เพราะเพศสัมพันธ์ไม่ใช่แค่ "การเอาอะไรใส่เข้าไปในอะไร" เท่านั้น แต่เป็นการสัมผัสทั้งร่างกายและจิตใจ ที่เชื่อมโยง และพัฒนาจากสัมผัสเป็นสัมพันธ์จนกลายเป็นผูกพันในท้ายที่สุด
ในความสัมพันธ์ที่โยงใยต่อเนื่องนั้น ยังอุตส่าห์มีคนแบ่งเป็น 5 ระยะ
อุปสรรค์ที่ขัดขวางความราบรื่นในช่วง แห่งความหฤหรรษ์นี้ คือความตึงเครียดของระบบประสาท (Sympathetic nervous system) ภาวะตึงเครียด ทำให้การตื่นตัวเกิดขึ้นได้ยาก เช่นกรณีที่คุณทั้งสองกำลังตกอยู่ในสภาพเครียด หงุดหงิด หวาดผวา อดนอนหรือนอนพงาบ ๆ อยู่บนเตียงห้อง
ไอซียู เรียกว่าปลุกเท่าไรก็ไร้ผล แต่หากร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย (เป็นการทำงานของ Parasympathetic nervous system) ก็ไม่เป็นการยากสำหรับการตื่นตัวของอารมณ์...ดัง นั้นหากต้องฝืนมีเซ็กส์ในวันศุกร์อันเหน็ดเหนื่อย คุณอาจเลือดที่จะพักผ่อนเต็มที่เสียก่อน นอนหลับให้สนิท ตื่นเช้าในวันใหม่อันแจ่มใส อาจเป็นเวลาที่น่าตื่นใจมากกว่า
เมื่อ เพศชายตื่นตัวแล้ว ก็มิได้แปลว่าฝ่ายหญิงจะพร้อมด้วยเสมอไป เธอยังต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อย เพื่อให้ไฟรักคุกรุ่นเต็มที่...ทัดเทียมกับคุณ
การเล้าโลมของฝ่ายชาย คือเครื่องมือในการกระพือไฟรักนั้น เพราะรองจากสิ่งเร้าทางตาก็เห็นจะเป็น ผิวหนังตามส่วนที่ไวต่อการกระตุ้น (Emgenous zone) โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก ติ่งหู ซอกคอ สีข้าง และผิวหลังทั้งผืนแผ่น...แล้วเธอจะเรียกร้องคุณเองว่า OK
ช่วงเวลาของการ "เติมคำลงในช่องว่าง" ความสำคัญของเพศสัมพันธ์ระยะนี้คือท่วงท่าลีลารัก (Sexual position) ซึ่งมีหลากหลายลวดลาย ทั้ง missionary position, woman on top, doggy position, spoon position, standing position ฯลฯ ซึ่งผมคงไม่ต้องบรรยายรายละเอียด... คุณสามารถดูภาพประกอบได้จาก HealthToday ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ความสำคัญของท่าทางในการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อความเหมาะสมกับภาวะสุขภาพเช่น
ผู้ชายที่มีปัญหาหลั่งเร็ว, โรงหัวใจหรือโรคหัวเข่าอักเสบ รวมทั้งฝ่ายภรรยาตั้งครรภ์อาจพิจารณาใช้ท่า "หงษ์เหนือมังกร" (woman on top) -หญิงอยู่บน หรือใช้ท่านอนตะแคง (spoon position)
หากฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอดได้ช้า อาจพิจารณาใช้ท่า "กวางเหลียวหลัง" (doggy position) -คุกเขาเอามือเท้าพื้น เพราะจะทำให้องคชาดเสียดสีผนังด้านหน้าของช่องคลอดโดยตรง แต่ท่วงท่านี้ก็อาจทำให้คนอ้วนมีปัญหาได้มาก เพราะแก้มก้นที่ใหญ่มากเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถสอดใส่องคชาตไ ด้ลึกตามที่ต้องการ...อย่างนี้เรียกว่า นายหน้าเอาไปกินหมด
นอกจาก เพื่อความเหมาะสมกับสุขภาพ ก็ยังเป็นการช่วยเพิ่มรสชาติของเพศสัมพันธ์ รวมทั้งช่วยลดความเบื่อหน่วยจำเจในการมีเพศสัมพันธ์ระยะยาว ไม่ ใช่ว่ากี่ปี ๆ ก็ร่วมเพศท่าเดิมตลอด เหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมตลอด เปิดหน้าแรกก็รู้เรื่องราวทั้งหมดจนจบหน้าสุดท้าย อย่างนี้ไม่ตื่นเต้นอะไร...ความเร้าใจกลับหาได้นอกบ้าน อาจเป็นต้นเหตุของความร้าวฉานในชีวิตคู่...เพราะมีมือที่สามเข้ ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ในที่สุดถึงขั้นยึดกิจการ
จุดสุดยอดของชายชัดเจนด้วยการหลั่งน้ำ อสุจิ แต่จุดสุดยอดของฝ่ายหญิงจะเป็นการบีบรัดตัวของช่องคลอดเป็นจังห วะ ๆ รวมทั้งการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อทั้งตัวในทั้งสองฝ่าย สีหน้าบิดเบี้ยวคล้ายคนกำลังเจ็บปวด
ช่วงออกัสซึ่มสมองจะมีการหลั่ง สารแห่งความสุข คือ endorphin ซึ่งทำให้ลดความเจ็บปวดหรือแม้แต่คนไข้โรคซึมเศร้า (major depressive disorder) บางคนก็เคยกล่าวว่าช่วงจุดสุดยอด เป็นช่วงที่ความเศร้าจางหายไปชั่วขณะ
ความแตกต่างของชายหญิงในเรื่องจุดสุดยอด คือผู้ชาย ถึงจุดสุดยอดได้เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เป็นระยะตื้อหรือ refractory peried ต้องกิน "เวลาสักระยะหนึ่ง" จึงค่อยมีการ "ซ้ำเติม" กิจกรรมแห่งรักได้...คำว่าเวลาสักระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับอายุขัยของชายแต่ละคน
ความขัดแย้ง ขุ่นเคืองในช่วงกลางวัน เพศสัมพันธ์ก็เหมือนการปรับความเข้าใจกันด้วยภาษากายความ สุขสบายทางจิตใจ ปรุงแต่งให้ความคิดมีแต่เรื่องดี ๆ ยิ้มให้กัน สัมผัสกันด้วยความทะนุถนอม ใส่ใจกันและกัน นำไปสู่ความปรองดองของชีวิตคู่
ครบ 5 ขั้นตอนที่ว่ามา ถือว่าเป็นการร่วมรักอันสมบูรณ์แบบ
อ้างอิง http://www.dcondom.com/00.dclub/club/forum_posts.asp?TID=2638
นำบทความมาจากหลายแหล่ง
แต่มิใช่ทุกกรณีเสมอไป...เพราะหากเพศสัมพันธ์นั้นมิได้มีความรั กเป็นพื้นฐาน กิจกรรมทางเพศนั้นก็เป็นการใช้ร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อระบา ยความกำหนัด เช่น การซื้อขายบริการทางเพศ การข่มขืน การลักหลับ ฯลฯ...อย่างนี้เพศสัมพันธ์ก็มีฐานะเพียงแค่ "ร่วมเพศ" แต่ไม่ถึงระดับ "ร่วมรัก" มันคนละระดับกัน...ขึ้นอยู่กับระดับความรู้สึกระหว่างคนทั้งสอง
โดย เฉพาะกับเพศหญิง เพศสัมพันธ์จะมีความหมายถึงการแสดงความรักต่อกัน อารมณ์รักที่ปรากฏขึ้นอยู่ในสมองส่วนกลาง (Limbic system) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะอารมณ์ แล้วมีเส้นประสาทโยงใยไปสู่ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) ชื่อเล่นว่า "ต่อมพี่ตุ๋ย" ...เพราะฉะนั้นหญิงเมื่ออยู่ใกล้ชายหนุ่มที่เธอรัก ความรักโน้มนำไปสู่เซ็กส์ได้โดยง่าย...ชาวบ้านมักใช้คำว่า "ใจง่าย" ...ซึ่งฟังแล้วให้ความรู้ลึกเชิงลบอย่างมาก...แค่ "อารมณ์พาไป" ยังพอรับไหว
ในขณะที่ความหมายของเพศชาย เพศสัมพันธ์คือการผ่อนคลายความต้องการทางเพศมากกว่า
และ หากเพศชายไม่เข้าใจความแตกต่างดังกล่าว ผลก็คือฝ่ายหญิงไม่สามารถบรรลุความสุขทางเพศได้อย่างที่ใจต้องก าร...เธออาจรู้สึกเหมือนกำลังมีเซ็กส์กับ "พวกแรงงานไร้ฝีมือ"
เพราะเพศสัมพันธ์ไม่ใช่แค่ "การเอาอะไรใส่เข้าไปในอะไร" เท่านั้น แต่เป็นการสัมผัสทั้งร่างกายและจิตใจ ที่เชื่อมโยง และพัฒนาจากสัมผัสเป็นสัมพันธ์จนกลายเป็นผูกพันในท้ายที่สุด
ในความสัมพันธ์ที่โยงใยต่อเนื่องนั้น ยังอุตส่าห์มีคนแบ่งเป็น 5 ระยะ
1. สร้างสรรค์บรรยากาศ (desire phase)
จุด เริ่มต้นของอารมณ์รักอันบรรเจิด มีฮอร์โมนเพศเป็นพื้นฐานร่วมกับสิ่งที่เร้าทางประสาททั้งทาง สายตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง การร่วมมือกันระหว่างเหตุ (ฮอร์โมน) และปัจจัย (สิ่งเร้า) ปรุงแต่งเป็นอารมณ์อันคุกรุ่นอุปสรรค์ที่ขัดขวางความราบรื่นในช่วง แห่งความหฤหรรษ์นี้ คือความตึงเครียดของระบบประสาท (Sympathetic nervous system) ภาวะตึงเครียด ทำให้การตื่นตัวเกิดขึ้นได้ยาก เช่นกรณีที่คุณทั้งสองกำลังตกอยู่ในสภาพเครียด หงุดหงิด หวาดผวา อดนอนหรือนอนพงาบ ๆ อยู่บนเตียงห้อง
ไอซียู เรียกว่าปลุกเท่าไรก็ไร้ผล แต่หากร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย (เป็นการทำงานของ Parasympathetic nervous system) ก็ไม่เป็นการยากสำหรับการตื่นตัวของอารมณ์...ดัง นั้นหากต้องฝืนมีเซ็กส์ในวันศุกร์อันเหน็ดเหนื่อย คุณอาจเลือดที่จะพักผ่อนเต็มที่เสียก่อน นอนหลับให้สนิท ตื่นเช้าในวันใหม่อันแจ่มใส อาจเป็นเวลาที่น่าตื่นใจมากกว่า
2. เร้าเส้นประสาทเสียก่อน (excitement phase)
ผู้หญิงและผู้ชายมีความไวต่อการตื่นตัวทางเพศเร็วช้าต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศกล่าวไว้ให้คนไทยจำง่าย ๆ ว่า ผู้ชายตื่นตัวง่ายเหมือนเตาแก๊ส ส่วนผู้หญิงตื่นตัวช้าเหมือนเตาถ่านเมื่อ เพศชายตื่นตัวแล้ว ก็มิได้แปลว่าฝ่ายหญิงจะพร้อมด้วยเสมอไป เธอยังต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อย เพื่อให้ไฟรักคุกรุ่นเต็มที่...ทัดเทียมกับคุณ
การเล้าโลมของฝ่ายชาย คือเครื่องมือในการกระพือไฟรักนั้น เพราะรองจากสิ่งเร้าทางตาก็เห็นจะเป็น ผิวหนังตามส่วนที่ไวต่อการกระตุ้น (Emgenous zone) โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก ติ่งหู ซอกคอ สีข้าง และผิวหลังทั้งผืนแผ่น...แล้วเธอจะเรียกร้องคุณเองว่า OK
3. พาจรสู่ความสุข (plateau phase)
ช่วงเวลาของการ "เติมคำลงในช่องว่าง" ความสำคัญของเพศสัมพันธ์ระยะนี้คือท่วงท่าลีลารัก (Sexual position) ซึ่งมีหลากหลายลวดลาย ทั้ง missionary position, woman on top, doggy position, spoon position, standing position ฯลฯ ซึ่งผมคงไม่ต้องบรรยายรายละเอียด... คุณสามารถดูภาพประกอบได้จาก HealthToday ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาความสำคัญของท่าทางในการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อความเหมาะสมกับภาวะสุขภาพเช่น
ผู้ชายที่มีปัญหาหลั่งเร็ว, โรงหัวใจหรือโรคหัวเข่าอักเสบ รวมทั้งฝ่ายภรรยาตั้งครรภ์อาจพิจารณาใช้ท่า "หงษ์เหนือมังกร" (woman on top) -หญิงอยู่บน หรือใช้ท่านอนตะแคง (spoon position)
หากฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอดได้ช้า อาจพิจารณาใช้ท่า "กวางเหลียวหลัง" (doggy position) -คุกเขาเอามือเท้าพื้น เพราะจะทำให้องคชาดเสียดสีผนังด้านหน้าของช่องคลอดโดยตรง แต่ท่วงท่านี้ก็อาจทำให้คนอ้วนมีปัญหาได้มาก เพราะแก้มก้นที่ใหญ่มากเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถสอดใส่องคชาตไ ด้ลึกตามที่ต้องการ...อย่างนี้เรียกว่า นายหน้าเอาไปกินหมด
นอกจาก เพื่อความเหมาะสมกับสุขภาพ ก็ยังเป็นการช่วยเพิ่มรสชาติของเพศสัมพันธ์ รวมทั้งช่วยลดความเบื่อหน่วยจำเจในการมีเพศสัมพันธ์ระยะยาว ไม่ ใช่ว่ากี่ปี ๆ ก็ร่วมเพศท่าเดิมตลอด เหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมตลอด เปิดหน้าแรกก็รู้เรื่องราวทั้งหมดจนจบหน้าสุดท้าย อย่างนี้ไม่ตื่นเต้นอะไร...ความเร้าใจกลับหาได้นอกบ้าน อาจเป็นต้นเหตุของความร้าวฉานในชีวิตคู่...เพราะมีมือที่สามเข้ ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ในที่สุดถึงขั้นยึดกิจการ
4. กระตุกขึ้นสู่สวรรค์ (orgasmic phase)
จุดสุด ยอดคือสิ่งที่ผู้ชายอยากไปให้ถึงช้าที่สุด ในขณะที่ผู้หญิงอยากไปให้ถึงเร็วที่สุด แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นตรงข้าม เพราะคุณผู้ชายส่วนมากมักใช้เวลาในการร่วมรักได้ประมาณ 2 - 5 นาทีหากไม่ชะลอ แต่ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่อาจต้องใช้เวลา 5 - 10 นาทีจึงสามารถถึงจุดสุดยอดได้จุดสุดยอดของชายชัดเจนด้วยการหลั่งน้ำ อสุจิ แต่จุดสุดยอดของฝ่ายหญิงจะเป็นการบีบรัดตัวของช่องคลอดเป็นจังห วะ ๆ รวมทั้งการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อทั้งตัวในทั้งสองฝ่าย สีหน้าบิดเบี้ยวคล้ายคนกำลังเจ็บปวด
ช่วงออกัสซึ่มสมองจะมีการหลั่ง สารแห่งความสุข คือ endorphin ซึ่งทำให้ลดความเจ็บปวดหรือแม้แต่คนไข้โรคซึมเศร้า (major depressive disorder) บางคนก็เคยกล่าวว่าช่วงจุดสุดยอด เป็นช่วงที่ความเศร้าจางหายไปชั่วขณะ
ความแตกต่างของชายหญิงในเรื่องจุดสุดยอด คือผู้ชาย ถึงจุดสุดยอดได้เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เป็นระยะตื้อหรือ refractory peried ต้องกิน "เวลาสักระยะหนึ่ง" จึงค่อยมีการ "ซ้ำเติม" กิจกรรมแห่งรักได้...คำว่าเวลาสักระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับอายุขัยของชายแต่ละคน
- ถ้าเป็นวัยรุ่น อาจพักไม่กี่นาที
- วัยหนุ่มใหญ่ ใช้เวลาเป็นชั่วโมง
- หากอาวุโส อีกสองสามวันค่อยมาคุยกันใหม่
5. ฝากฝันก่อนหลับจาก
หลังจุดสุดยอดคือการผ่อนคลาย ทั้งชายหญิง ร่างกายทั้งคู่จะเข้าสู่ภาวะสงบสมดุลย์อีกครั้ง คล้ายหลังการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่ยิ่งไปกว่านั้นเป็นความสุขกายสุขใจร่วมกันระหว่างสามีภรรยา. ..เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายลืมทุกข์ลืมโศก ลืมโรคลืมภัย ลืมหนี้ลืมสิน...ไปชั่วขณะ ยังไม่ถึงกับลือถาวรความขัดแย้ง ขุ่นเคืองในช่วงกลางวัน เพศสัมพันธ์ก็เหมือนการปรับความเข้าใจกันด้วยภาษากายความ สุขสบายทางจิตใจ ปรุงแต่งให้ความคิดมีแต่เรื่องดี ๆ ยิ้มให้กัน สัมผัสกันด้วยความทะนุถนอม ใส่ใจกันและกัน นำไปสู่ความปรองดองของชีวิตคู่
ครบ 5 ขั้นตอนที่ว่ามา ถือว่าเป็นการร่วมรักอันสมบูรณ์แบบ
อ้างอิง http://www.dcondom.com/00.dclub/club/forum_posts.asp?TID=2638
นำบทความมาจากหลายแหล่ง